วันที่ 11 มิถุนายน 2564 เวลา 16.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี เชิญสัญญาบัตร พัดยศและผ้าไตร ถวายแด่ พระเทพมงคลวัชราจารย์ ภาวนาวิธานโกศล โสภณประชาธุราทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี พระราชาคณะชั้นเทพ สถิต ณ วัดกระดึงทอง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมี พระเทพปริยัตยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ พระราชพิศาลสุธี เจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์(ธรรมยุต) พระเถรานุเถระ รวมถึง นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และพุทธศาสนิกชน ร่วมพิธี ซึ่ง นายสมพงษ์ หมวดไธสง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ ร่วมสนองงานคณะสงฆ์ และอ่านตราตั้งฐานานุกรม ในครั้งนี้ด้วย
พระเทพมงคลวัชราจารย์ หรือ หลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม เจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง อำเภอบ้านด่าน จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ (ธรรมยุต) อายุ 94 ปี พรรษา 74 มีนามเดิมว่า เหลือง ทรงแก้ว เกิดเมื่อวันอังคารที่ 1 พฤษภาคม 2470 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บ้านนาตัง ตำบลเขวาสินรินทร์ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ บิดาและมารดาคือ นายเที่ยง ทรงแก้ว และ นางเบียน ทองเชิด เป็นบุตรคนที่ 6 ในจำนวนพี่น้อง 8 คน
- พ.ศ. 2487 ได้บวชสามเณร ที่วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา เจ้าคุณอริยเวที เป็นพระอุปัชฌาย์
- พ.ศ.2490 อุปสมบทที่วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา มีพระญาณดิลก เป็นพระอุปัชฌาย์ ฉายา “ฉันทาคโม”
- พ.ศ. 2501 ไปอยู่วัดกระดึงทอง
- พ.ศ. 2515 เป็นเจ้าคณะตำบลในเมือง, เป็นเจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง พ.ศ. 2517 อบรมพระสังฆาธิการชั้นต้น
- พ.ศ. 2518 อบรมพระสังฆาธิการชั้นสูง
- พ.ศ. 2519 ได้รับสัญญาบัตร ที่ พระครูวิริยาภิวัฒน์ และเป็นพระอุปัชฌาย์
- พ.ศ. 2521 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองบุรีรัมย์ (ธ)
- พ.ศ. 2522 ให้รักษาการแทน เจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ (ธ)
- พ.ศ. 2523 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะธรรมยุตจังหวัดบุรีรัมย์
- พ.ศ. 2528 ได้รับตราตั้งเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระชินวงศาจารย์
- พ.ศ. 2535 ได้รับพระราชทานเป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชปัญญาวิสารัท จนถึงปัจจุบัน
พระเทพมงคลวัชราจารย์ แน่วแน่กับการปฏิบัติภาวนาไม่เสื่อมคลาย อยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย ได้รับสมญานามว่าเป็น “พระอรหันต์เจ้าผู้ติดดิน” เป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด อบรมสั่งสอนพระธรรมวินัยแก่พระสงฆ์ ตลอดทั้งสอนธรรมะแก่ ศิษยานุศิษย์ มาอย่างต่อเนื่อง ให้การสงเคราะห์ด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข จัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาล จัดตั้งกองทุนสงฆ์อาพาธ จังหวัดบุรีรัมย์
สำหรับวัดกระดึงทอง ได้รับอนุญาตสร้างเมื่อ ปี พ.ศ. 2512 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2516 มีสิ่งปลูกสร้างเป็น ศาลาเอนกประสงค์ชั้นเดียว ศาลาการเปรียญ 2 ชั้น มีกุฎิ 23 หลัง มีศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ อุโบสถ 1 หลัง เมรุ และศาลาบำเพ็ญกุศล โรงครัว 1 หลัง ห้องน้ำ 4 แห่ง จำนวน 46 ห้อง
ขอบคุณภาพข่าวจาก สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบุรีรัมย์